วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สินค้าOTOPของชัยภูมิ

หมำ่จากการบอกเล่าของชาวชัยภูมิ “หม่ำ” เป็นตำนานที่พรานป่าไปล่าสัตว์บนภูเขียว-ภูคิ้ง ตั้งแต่ในอดีต ซึ่งพรานป่าต้องใช้เวลาในการเดินทางไปล่าสัตว์ป่านานถึง 3 เดือน เมื่อล่าสัตว์ได้เกรงว่าเนื้อสัตว์จะเน่า จึงคิดหาวิธีถนอมอาหาร เพื่อเก็บรักษาอาหารไม่ให้เน่าเสีย เพื่อนำมาฝากลูกและเมีย ที่รออยู่ทางบ้าน “พราน” จึงนำเนื้อที่ล่ามาได้ สับให้ละเอียดพอประมาณผสมกับตับ แล้วคลุกข้าวเหนียวและเกลือที่พกติดตัวมา แล้วยัดใส่ในกระเพาะของสัตว์ หรือลำไส้ของสัตว์ เพื่อหมักเป็นการถนอมอาหารให้เก็บไว้ได้นาน แล้วนำกลับมาฝากลูกและเมียที่อยู่ทางบ้าน พอกลับถึงบ้านนำมาชิม ปรากฏว่า เนื้อที่หมักมีรสชาติอร่อย เป็นที่ชื่นชอบของภรรยา ต่อมาจึงได้ถ่ายทอดวิชาการถนอมอาหารให้กับลูกๆ หลานๆ สืบมา ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษถึงปัจจุบันถือว่าเป็น
ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวพื้นบ้านอีสาน มานานนับหลายปี




ผ้าไหมบ้านเขว้าตำบลบ้านเขว้า มีประวัติความเป็นมา อันยาวนานเป็นเวลานานเกือบ 200 ปี ตั้งแต่สมัยเจ้าพ่อพระยาแล เป็นชุมชนที่มีการทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมานานในหมู่ผู้นิยมผ้าไหม และเกิดการเล่าขานแพร่กระจายในกลุ่มนักสะสมผ้าไหม ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเองสืบต่อถ่ายทอดกันมาแต่โบราณ จึงมีการก่อตั้งชุมชนบ้านเขว้า เริ่มจากการทอเพื่อใช้ในครัวเรือน ต่อมาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในงานประเพณีต่างๆ เช่น งานแต่งงาน ใช้เป็นเครื่องแต่งกายของเจ้าบ่าว เจ้าสาว ใช้เป็นของไหว้สำหรับญาติฝ่ายชายในงานแต่งงาน งานบวชใช้แต่งตัวนาคและผู้ที่ไปร่วมงาน รวมถึงงานบุญ งานทาน งานประเพณีต่างๆ ผู้คนจะแต่งกายด้วยผ้าไหม ทั้งหญิงและชาย เป็นการประกวด ประชันทั้งฝีมือการทอและการตัดเย็บกันไปในทีผ้าไหมของบ้านเขว้า เริ่มเป็นที่รู้จักทั่วไปเมื่อประมาณ พ.ศ.2523 นายถนอม แสงชมภู นายอำเภอขณะนั้น ได้นำผ้าไหมส่งศูนย์ศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ด้วยคุณภาพของผ้าไหม ลวดลายที่แปลกตา และผีมือที่ปราณีต จึงได้รับความสนใจ มีผู้สั่งทอเป็นจำนวนมาก ต่อมาในปี พ.ศ.2530 ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิในขณะนั้น (ร.ต. สุนัย ณ อุบล รน. :ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านผ้าไหม และผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหม) ได้ให้การส่งเสริมการผลิตและได้ส่งผ้าไหมบ้านเขว้าเข้าประกวดที่โครงการศิลปาชีพ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร ได้รับรางวัลชนะเลิศ หลังจากนั้น ผ้าไหมบ้านเขว้าได้รับการคัดเลือกส่งเข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศเกือบทุกปี





มะม่วงแช่อิ่มบ้านโนนม่วง เป็นหมู่บ้านที่มีมะม่วงแก้ว มากเหมือนชื่อหมู่บ้าน บรรพบุรุษในสมัยก่อนจึงทำมะม่วงแช่อิ่มเพื่อเก็บไว้รับประทานในฤดูขาดแคลน จึงเป็นการสืบทอดภูมิปัญญามาจากสมัยบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกหลานในปัจจุบัน และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีรสชาด เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมาจนถึงปัจจุบัน



ปลาร้าทรงเครื่องอีสาน เป็นภาคที่นิยมรับประทานปลาร้า ซึ่งเป็นการถนอมอาหารเพื่อไว้ใช้รับประทานในฤดูขาดแคลน และเพื่อใช้เป็นเครื่องเทศในการประกอบอาหารประกอบประจำภาค โดยเป็นการสืบทอดภูมิปัญญามาจากสมัยบรรพบุรุษ โดยการนำปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลากระดี่ ปลาหมอ ที่มีขนาดปานกลาง มาหมักไว้ประมาณ 1 ปี แล้วนำมาแปรรูปเป็นปลาร้าบองเพื่อให้ได้อาหารที่มีรสชาด แปลกใหม่ปรุงรสด้วยสมุนไพร เช่น ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ใบมะกรูด ทำเก็บไว้ได้นาน และสมุนไพรที่ผสมในปลาร้าบองเป็นผลดีต่อสุขภาพ


นำ้ปลาหวานน้ำปลาหวานเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดมาจากสมัยปู่ ย่า ตา ยาย ที่ต้องการถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้ให้ได้รับประทานนานขึ้น นิยมทำในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สาร์ทจีน งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ และทำเพื่อเป็นของฝากญาติผู้ใหญ่ในการมารวมญาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น